แต่งปุ๊ปหย่าปั๊ป!เมียรับไม่ไหวผัวเจ้าโลกใหญ่เกิน


รายงานข่าวสุดพิลึกนี้เกิดขึ้นที่รัฐซัมฟารา ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของไนจีเรีย หลังจากที่นางไอชา ดานนูปาวาแม่บ้านลูกสามซึ่งเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งตัดสินใจยื่นเรื่องต่อศาลอิสลามในพื้นที่เพื่อขอหย่าขาดจากอาลี ไมซินารี สามีคนใหม่ที่เพิ่งแต่งงานกันได้แค่สัปดาห์เดียว โดยดานนูปาวาให้เหตุผลว่า สามีใหม่ถอดด้ามของเธอมีขนาดของอวัยวะเพศที่ใหญ่มหึมาเกินไปซึ่งทำให้เธอต้อง “ทนทุกข์” ในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยมากกว่าที่จะทำให้เธอพบกับ “ความสุขสม”
       
       ตามธรรมเนียมท้องถิ่นในแถบชนบทของไนจีเรียนั้น ตัวเจ้าสาวจะได้รับเชิญให้เข้ามาอาศัยในบ้านของ “พ่อสามี-แม่สามี” ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับสามีแบบเต็มตัว และที่บ้านหลังนี้เองที่ดานนูปาวาและสามีใหม่ของเธอได้มีเพศสัมพันธ์กันเป็นครั้งแรก
       
       “เราร่วมรักกัน แต่ประสบการณ์ที่ดิฉันได้รับมันคือฝันร้ายอย่างแท้จริง แทนที่ดิฉันจะได้สุขสม แต่มันกลับเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอย่างอื่นแทน และนั่นก็เป็นเพราะอวัยวะส่วนนั้นของเขาที่มันใหญ่มหึมาเกินไป” ไอชา ดานนูปาวาเผยต่อศาล
       
       หลังการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก แม่ของฝ่ายหญิงซึ่งได้ทราบถึงความเจ็บปวดของลูกสาวได้จัดหายาสูตรพิเศษให้กับเธอเพื่อหวังจะช่วยให้ชีวิตสมรสของลูกสาวเดินหน้าต่อไปได้ อย่างไรก็ดี ยาสูตรพิเศษดังกล่าวก็ใช้ไม่ได้ผลและไม่อาจช่วยให้ดานนูปาวามีความสุขสมได้ ในระหว่างที่เธอและสามีใหม่ร่วมเพศกันเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเป็น “ครั้งสุดท้าย”
       
       “ดิฉันคิดได้ว่า คงไม่มียาสูตรใดช่วยเราได้ และการแยกทางถือเป็นเพียงทางเลือกเดียวที่จะช่วยให้ดิฉันไม่ต้องเผชิญกับอวัยวะที่ใหญ่โตโอฬารของเขาอีก” ดานนูปาวากล่าว
       
       ด้านอาลี ไมซินารี ซึ่งไม่ได้ออกมาปฏิเสธใดๆ ต่อเรื่องความใหญ่โตขององคชาตของเขา ได้ออกมาระบุว่า เขายินดีหย่าขาดจากดานนูปาวา หากเขาได้ “สินสอด” คืน รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆที่ต้องเสียไประหว่างขั้นตอนการหย่า
       
       ก่อนหน้านี้มีผลการศึกษาของ ดร.ริชาร์ด ลีนน์ แห่ง “มหาวิทยาลัยอัลสเตอร์” ในไอร์แลนด์เหนือ ที่พบข้อมูลเชิงประจักษ์ว่า องคชาตของผู้ชายชาวแอฟริกันถือเป็นองคชาตที่มีขนาด “ใหญ่-ยาวที่สุดในโลก” ขณะที่ผู้ชายทางตะวันออกและตอนเหนือของทวีปเอเชียถือเป็นผู้ที่มีขนาดองคชาต “เล็ก-สั้นที่สุดในโลก”
       
       ทั้งนี้ ผลการศึกษาดังกล่าวพบว่า ผู้ชายจากทวีปแอฟริกาโดยทั่วไปมักมีองคชาตที่ยาวโดยเฉลี่ยตั้งแต่ 17.2-18 เซนติเมตร ซึ่งถือว่ายาวกว่าองคชาตของชาวอเมริกันและอังกฤษที่มีค่าความยาวเฉลี่ยราว 12.9-13.9 เซนติเมตร
       
       ขณะที่ผู้ชายไทยมีความยาวเฉลี่ยขององคชาตอยู่ที่ 10 เซนติเมตร เท่ากับผู้ชายอินเดีย ส่วนผู้ชายจากเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ ครองสถิติชนชาติที่มีองคชาต “สั้นที่สุดในโลก” ด้วยค่าเฉลี่ยเพียง 9.6 เซนติเมตรเท่านั้น 

ถ้าคุณมีหมูตัวเท่านี้ คุณจะเลี้ยงมันหรือจะขายทิ้ง?


เรื่องของเรื่องคือ มันเป็นหมูที่จีน ตัวอวบอั๋น..ใหญ่กำยำเลยทีเดียว จุดเด่นพิเศษคงไม่ต้องบอก คาดคะเนว่ารวมๆ แล้วน่าจะหนักไม่ต่ำกว่า 300 กก. แหม..ก็แค่ส่วนนั้นของน้องหมูก็น่าจะเฉียด 50 กก. แล้ว ถ้าคุณเป็นเจ้าของหมูตัวนี้ คุณจะตัดสินใจยังไง "เลี้ยงไว้โชว์" หรือ "ขายแลกเงิน"

ชายวัย 55 ขายรถทุ่มซื้อหวยแต่ไม่ถูก ขอจบชีวิต-ผูกคอตาย



ชายเชียงใหม่วัย 55 ปี ยอมขายรถจักรยานยนต์ ทุ่มซื้อหวย 38 ใบ แต่ไม่ถูกสักใบ ผิดหวังอย่างแรง ตัดสินใจเขียนจดหมายสั่งเสียลูกเมีย ก่อนแขวนคอตายคาบ้าน

            วันนี้ (5 มีนาคม 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุคนแขวนคอตาย บริเวณบ้านเลขที่ 12 หมู่ 4 บ้านท่ามะโอ ต.ขัวมุง อ.สารภี จึงรุดไปตรวจสอบ

            ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพ นายณรงค์ อายุ 55 ปี เจ้าของบ้าน สภาพศพลิ้นจุกปาก จากการใช้เชือกไนลอนผูกคอตัวเองติดกับขื่อไม้หลังบ้าน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง จากการชันสูตรพลิกศพไม่พบร่องรอย หรือบาดแผลจากการถูกฆาตกรรมแต่อย่างใด

            แต่พบลอตเตอรี่จำนวน 38 ใบ และจดหมายลาตาย โดยในเนื้อความจดหมายได้สั่งลาลูกเมียด้วยความเสียใจที่ไม่สามารถดูแลได้ และยังมีจดหมายฉบับเล็กอีกฉบับเขียนไว้ว่า "หวยชุดนี้ คือลมหายใจเฮือกสุดท้าย เมื่อดวงไม่ช่วยก็สิ้นแล้วทุกอย่าง ทำอะไรไม่ได้แล้วอยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาได้อีกแล้ว อยู่ทำไม อยู่รอวันตาย ขอจบตรงนี้ดีกว่าชีวิตบัดซบ"

            ทั้งนี้มีรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุนายณรงค์ ได้ขายรถจักรยานยนต์ เพื่อนำเงินมาซื้อหวยจำนวน 38 ใบ โดยหวังว่าจะถูกหวย และนำเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่เมื่อผลหวยออกมากลับไม่ถูกสักใบ นายณรงค์จึงเกิดความเครียดอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดเหตุสลดดังกล่าว

ใครที่ยังไม่เข้าใจเรื่อง กรรม โปรดเข้าใจตามนี้


สาวน้อยวัย 7 ขวบรอดคนเดียวจากเหตุเครื่องบินตก

สาวน้อยวัย 7 ขวบที่ชื่อ Gu Cile และครอบครัวของเธอได้นั่งเครื่องบินจากฟลอริด้าไปอิลลินอยส์ แต่เครื่องยนต์ของเครื่องบินได้เกิดเหตุขัดข้องในที่สุดเครื่องบินของพวกเขาก็ตกอยู่ในป่าเคนตั๊กกี้
นอกเหนือจาก Gu Cile แล้ว  ผู้โดยสารทุกคนที่อยู่บนเครื่องบินเสียชีวิต


หลังจากเครื่องบินตก เธอติดอยู่ในป่าและรองเท้าของเธอก็หาย ข้อมือของเธอก็หัก ถ้าเป็นคนอื่นๆคงจะแค่อดทนและรอการช่วยเหลือ แต่สาวน้อยวัย 7 ขวบคนนี้ไม่ได้นั่งรออย่างเดียว เธอหากิ่งไม้มาจุดไฟเพื่อหาทางออกจากป่าที่มืดมาก


เธออดทนกับความหนาว การไม่มีรองเท้าใส่ และได้เดินออกมาจากป่าทึบ จนได้พบคุณปู่ลาร์รี•วิลกินส์ที่มีอายุ วัย 71 ปี





ชานมไข่มุก…กับทุกข์ที่คาดไม่ถึง

“ชานมไข่มุก” เป็นเครื่องดื่มสุดฮิตอย่างหนึ่งของคนทุกเพศทุกวัย มีขายแพร่หลายตั้งแต่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ จนกระทั่งริมสองฝั่งถนน เป็นเครื่องดื่มเย็น มีหลากรสชาติให้เลือกสรร ทั้งกาแฟและชารสผลไม้ต่างๆ นอกจากหอมหวานยัง “เคี้ยว” ได้เพลินและสนุกปาก ราคาตั้งแต่ 20 บาทจนถึงหลายร้อยบาท “ผู้บริโภค” บางรายนิยมดื่มวันละแก้ว บางรายหลายแก้วต่อวัน จนลืมคำนึงถึง “ภัยร้าย” ที่แฝงตัวมา นั่นคือ “โรคอ้วนง่าย” และ “แก่เร็ว”



เนื่องจากส่วนผสมหลักของชามุก ประกอบด้วยชา ครีมเทียม น้ำตาลทราย นมข้นหวาน ไข่มุก และผงเครื่องดื่มสำเร็จรูปที่แต่งกลิ่น อาทิ กลิ่นแอปเปิ้ล ส้ม องุ่น ลิ้นจี่ และอื่นๆ จึงเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและไขมันสูงซึ่งสมองของคนเรานั้น หากถูกกระตุ้นด้วยความหวาน มัน เค็ม จะชอบใจ และเข้าใจว่าอาหาร
นั้นอร่อย เมื่อเกิดความอร่อยก็ยิ่งทำให้อยากจะหามารับประทานบ่อยๆ ยิ่งถ้ามี “กาเฟอีน” ผสมอยู่ ก็ยิ่งทำให้สมองติดใจได้ง่ายขึ้นไปอีก

เรียกได้ว่าความหวาน-มัน และกาเฟอีนในชานมไข่มุก “เล่นกล” หลอกให้สมองติดใจ ยิ่งมีการโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มสุขภาพ ก็ยิ่งอันตรายสำหรับคนที่ต้องการ “ลดน้ำหนัก” เพราะเมื่อเกิด “ความเชื่อ” ที่ผิดๆ ก็ส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเลือกดื่มชานมไข่มุกแทนการรับประทานอาหาร เนื่องจากคิดว่าจะช่วยลดน้ำหนักได้

ทั้งที่แท้จริงแล้ว การรับประทาน “เกาเหลา” ทั้งชาม ยังอ้วนน้อยกว่าการกินชานมไข่มุก 1 แก้วด้วยซ้ำไป เนื่องจากปริมาณแคลอรี่ในชานมไข่มุกแต่ละแก้วแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ 200 กิโลแคลอรี่ ถึง 400 กิโลแคลอรี่ แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นคือปริมาณน้ำตาล ที่มีตั้งแต่ 8 ช้อนชาต่อแก้ว ไปจนถึง 11 ช้อนชาต่อแก้ว

ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ในหนึ่งวันเราไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชาสำหรับผู้หญิง และ 9 ช้อนชาสำหรับผู้ชาย อีกทั้งไขมันอิ่มตัวจากนมที่ใส่รวมอยู่ก็มีปริมาณไม่น้อย บางสูตรใช้ “ครีมเทียม” ซึ่งมี “ไขมันทรานส์” ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพยิ่งกว่าไขมันชนิดอื่น นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด “โรคหลอดเลือดหัวใจ” ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งอีกด้วย

ส่วน “เม็ดไข่มุก” ที่ผู้บริโภคหลายคนต่างเพลิดเพลินกับการ “เคี้ยว” ด้วยความรู้สึกหนึบๆ หนับๆ ก็คือ “แป้ง” เพราะทำจาก “มันสำปะหลัง” นำมาต้มกับ “น้ำตาล” ให้ “แคลอรี่” แตกต่างกันไปแต่ละสูตร ตั้งแต่ 2-4 กิโลแคลอรี่ต่อเม็ด อีกทั้งยังไม่มีคุณค่าทางอาหาร ไม่ว่าวิตามิน แร่ธาตุ หรือสารต้านอนุมูลอิสระใดๆ เลย

สรุปก็คือ เครื่องดื่มยอดฮิตชนิดนี้เป็นสูตรสำเร็จที่ไม่ก่อให้เกิดมรรคผลอย่างอื่น นอกจากผลลัพธ์ 3 ประการคือ อ้วน แก่ และเสพติด!!! รู้อย่างนี้แล้ว ถ้ายังอยากเสียเงินเสียทองเพื่อหาโรคภัยไข้เจ็บมาใสตัวก็ตามใจ!!!

แชร์ด่วน!!ศิริราช ประกาศขอ รับบริจาคเลือดทุกกรุ๊ป ช่วยเหลือผู้ป่วย ด่วน!


วันนี้(5มี.ค.58) ผศ.ร.อ.พญ.ปาริชาติ เพิ่มพิกุล หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์การธนาคารเลือด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ขณะนี้อัตราการมาบริจาคเลือดที่โรงพยาบาลศิริราชถือว่าลดลงในทุกหมู่เลือดจึงประกาศขอรับบริจาคเลือดทุกหมู่ เพื่อให้ผู้ป่วยของโรงพยาบาลศิริราช

เนื่องจากโรงพยาบาลศิริราชเป็นโรงพยาบาลใหญ่ มีจำนวนเตียงประมาณ 2,200 เตียง ต้องใช้เลือดในการรักษาผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก วันละประมาณ 80-100 ยูนิต โดยยังไม่รวมถึงการสำรองเลือดให้กับผู้ที่จองไว้สำหรับการผ่าตัด  ทั้งนี้เพื่อให้มีเลือดเพียงพอที่จะรักษาผู้ป่วยโดยไม่ต้องกังวล ซึ่งอย่างน้อยต้องได้รับการบริจาคไม่ต่ำกว่าวันละ 150 ยูนิต แต่เนื่องจากปัจจุบันมีผู้มาบริจาคเลือดลดลง โดยเฉพาะขณะนี้ขาดแคลนเลือดสำรองกรุ๊ป โอ, เอ, เอบี ตามลำดับ

สำหรับผู้ที่ต้องการมาบริจาคเลือด ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม โดยพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง น้ำหนักตัวไม่ต่ำกว่า 50 กิโลกรัม ไม่มีโรคประจำตัว เพื่อที่จะสามารถนำเลือดมาปั่นแยกส่วนประกอบของเลือดชนิดต่าง ๆ ไปให้ผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้สามารถรับประทานอาหารและน้ำได้ตามปกติ แต่ขอให้หลีกเลี่ยงอาหารประเภทที่มีไขมันสูง งดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเลือดได้ที่ธนาคารเลือด โรงพยาบาลศิริราช ตึก 72 ปี ชั้น 3 ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30น.-18.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30-16.00 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่ ภาควิชาเวชศาสตร์การธนาคารเลือด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โทร.0-2419-8081 ต่อ 123, 128ต่อ 123, 128

กาแฟดีหรือไม่ดีต่อหัวใจกันแน่


บีบีซีไทยรายงานว่า มีผลงานวิจัยล่าสุดชี้ว่าการดื่มกาแฟอาจช่วยชำระล้างหลอดเลือดหัวใจ งานวิจัยชิ้นนี้เป็นของนักวิจัยเกาหลีใต้ซึ่งเผยแพร่ไว้ในนิตยสารฮาร์ท ชี้ว่าคนที่ดื่มกาแฟวันละ3 ถึง 5 แก้ว มีแนวโน้มน้อยที่จะมีสัญญาณบ่งบอกอาการของโรคหัวใจ

ที่ผ่านมามีผลการศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ว่าการดื่มกาแฟเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นการมีคอเรสเตอรอลเพิ่ม หรือความดันสูงขึ้น ขณะที่งานวิจัยชิ้นอื่น ๆ ชี้ว่ากาแฟช่วยปกป้องหัวใจ ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องนี้และงานวิจัยชิ้นล่าสุดนี้ก็เพียงเปิดประเด็นให้ถกเถียงกันเรื่องนี้ต่อไป

นักวิจัยเกาหลีใต้วิเคราะห์ผลการสแกนหัวใจของพนักงานบริษัททั้งเพศชายและหญิงกว่า 25,000 คนที่ได้รับการตรวจสุขภาพเป็นประจำพบว่า พนักงานที่ดื่มกาแฟมีโอกาสเกิดการสะสมของแคลเซียมที่ผนังในหลอดเลือดโคโรนารีซึ่งเป็นหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม

ในการวิเคราะห์ นักวิจัยมองแนวโน้มการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบซึ่งเกิดขึ้นได้เมื่อมีการก่อตัวของผนังหลอดเลือด ซึ่งอาจจะเป็นผลจากการมีแคลเซียมหรือไขมันไปเกาะ อย่างไรก็ดีไม่พบว่ามีกลุ่มตัวอย่างคนใดป่วยเป็นโรคหัวใจ แต่พบว่ามีการสะสมของแคลเซียมในหลอดเลือด ในกลุ่มตัวอย่างกว่า 1 ใน 10

นักค้นคว้าได้นำผลสแกนทั้งหมดที่ได้ มาเปรียบเทียบกับข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างแต่ละรายโดยพิจารณารวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ด้วย อย่างเช่นการสูบบุหรี่ ออกกำลังกาย ประวัติการป่วยเป็นโรคหัวใจภายในครอบครัว อย่างไรก็ดี นักวิจัยบอกว่ายังต้องค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อยืนยันเรื่องนี้

สรุปก็คือ ตอนนี้ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่ากาแฟมีประโยชน์หรือโทษต่อร่างกายกันแน่

ขอขอบคุณมติชนออนไลน์ ผู้สนับสนุนเนื้อหา

เซ็งเลย! ชายไทย “น้องชาย” เกือบเล็กสุดของโลก


ผลสำรวจจากประเทศอังกฤษชี้ อวัยวะเพศชายไทย อยู่ในกลุ่มเล็กที่สุดในโลก ขนาดเฉลี่ยอยู่ที่ 4 นิ้ว โดยครองอันดับรองสุดท้ายร่วมกับอินเดีย ขณะที่เกาหลีเหนือเล็กสุดขนาดเฉลี่ยที่ 3.8 นิ้ว

เว็บไซต์ต่างประเทศรายงาน ผลการสำรวจที่ตีพิมพ์ในวารสารระบบปัสสาวะวิทยานานาชาติ ของอังกฤษ ที่เปิดเผยอันดับความใหญ่และสั้นของอวัยวะเพศของประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยสำรวจชายอายุ 17 ปี ขึ้นไป จากกลุ่มตัวอย่างอย่างน้อย 50 รายของแต่ละประเทศ พบว่า ชายไทยมีขนาดอวัยวะเพศเฉลี่ยเพียง 4 นิ้วเท่านั้น ซึ่งสั้นกว่าขนาดเฉลี่ยของโลก

สำหรับกลุ่มประเทศที่มีอวัยวะสั้นที่สุดในโลก ได้แก่ อิหร่าน อินโดนีเซีย 4.6 นิ้ว สิงคโปร์ อิรัก เวียดนาม 4.5 นิ้ว มาเลเซีย 4.4 นิ้ว ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ 4.3 นิ้ว ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน 4.2 นิ้ว ไทย อินเดีย 4 นิ้ว และเกาหลีเหนือ 3.8 นิ้ว ด้านประเทศที่มีขนาดอวัยวะใหญ่ที่สุดในโลก ในรายงานแจ้งว่าคือประเทศ คองโก โดยขนาดอวัยวะเฉลี่ยอยูที่ 7.1 นิ้ว

เอาเป็นว่าอาจจะเป็นเพราะการสุ่มหรือเปล่า ส่งผลให้ผลออกมาคลาดเคลื่อน ยังไงซะหนุ่มไทยก็อย่าเพิ่งเครียดกันไป

ทุบโต๊ะข่าว : ฮือฮา! พระวัดธรรมกายนั่งหลับนับร้อย เกือบตกเวที 04/03/58




“แจ๊ส ชวนชื่น” แจงโพสต์ดราม่า IG ไม่ได้ว่าคนในวงการ ขอโทษทำให้มองไม่ดี


กลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตาพอสมควรที่ก่อนหน้านี้ "แจ๊ส ชวนชื่น" หรือ "ผดุง ทรงแสง" โพสต์ด่าแหลกถึงใครบางคนบนอินสตาแกรม @jazzpadung ที่เอาเจ้าตัวไปพูดลับหลังว่าทิ้งพ่อทิ้งแม่ ทำเอาหลายๆ คนสงสัยว่าหนุ่ม "แจ๊ส" นั้นหมายถึงใคร ใช่คนในวงการหรือเปล่า พอมีโอกาสได้เจอ "แจ๊ส" ในพิธีเปิดตัว มาสเตอร์พีซ คลินิก ณ ห้อง Executive Junction Room โรงแรมปทุมวัน ปริ้นเซส เจ้าตัวก็ชี้แจงถึงเรื่องนี้ให้ฟังว่า

"คือที่ผมว่าเนี่ย ผมไม่ได้ว่าผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงเลย ผมว่าคนแถวบ้าน คนที่ผมรู้จัก คนที่ผมไหว้ตั้งแต่เด็กๆ ที่ผมลงบนอินสตาแกรม ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาจะได้อ่านหรือเปล่า เพราะเขาไม่ได้เล่น ผมแค่อยากระบาย อีกอย่างพื้นที่ตรงนั้น มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของผม ที่ผมสามารถระบายได้เหมือนเฟซบุ๊ค ผมก็แค่คิดแบบคนทั่วไปเพราะผมก็ไม่ใช่ดาราดัง ที่โพสต์อะไรแล้วจะส่งผลกระทบมากมาย อยากทำอะไรก็ทำ"

"แต่พอมีเรื่องตรงนี้มาผมก็ขอโทษด้วยสำหรับคนที่มองว่าผมว่าผู้ใหญ่ คือเรื่องนี้มันเป็นเรื่องชาวบ้านธรรมดาที่ผู้ใหญ่มานินทาเด็ก ซึ่งผมค่อนข้างโกรธ เพราะผมไม่ได้ทำอะไรให้เขา เอาเป็นว่าผมไม่ได้ว่าผู้ใหญ่ ไม่ได้ว่าตลกรุ่นใหญ่ ไม่ได้เป็นดาราในวงการบันเทิงทั้งสิ้น"

"ที่ผมโดนมันมีเยอะกว่าที่เขียนในอินสตาแกรมอีก หาว่าผมทิ้งพ่อแม่บ้างอะไรบ้าง เรื่องภรรยาผมอีก ถ้าผมทำจริงๆ ผมจะไม่โกรธเลย ผมลูกผู้ชายพอ กล้าทำก็กล้ารับ แต่นี่มันไม่ใช่ คือเราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเลยนะ ผมถึงได้โมโห แล้วที่โพสต์บนอินสตาแกรม ผมก็แค่อยากระบายเท่านั้นเอง"

"ผมรู้ว่าคนที่ว่าผมแบบนี้เป็นใครเขาไม่ใช่คนในวงการแต่ผมไม่คุยกับเขาหรอกผู้ใหญ่พันธุ์นี้ ถ้าจะคุยกับผมก็ไม่คุยไม่เคลียร์ครับ เคลียร์ไปก็เท่านั้น ตอนนี้ผมก็ว่าเขารู้เรื่องแล้วแหละเพียงแต่เรายังไม่ได้เจอกัน"

"ผู้ใหญ่ในวงการก็ไม่ได้ตักเตือนอะไรครับ เขาแค่โทรมาถามว่าเกิดอะไรขึ้นผมก็อธิบายให้เขาฟัง พอเขาโทรถามบ่อยๆ ผมก็เลยตัดสินใจลบออกไป เอาเป็นว่าผมขอโทษด้วยแล้วกัน สำหรับคนที่มองผมไม่ดี (ถือเป็นบทเรียนไหม?) หลังจากนี้เวลาโพสต์อะไรอาจจะต้องคิดมากกว่านี้หน่อย คือเราไม่ได้คิดว่าเราเป็นคนมีชื่อเสียงไง เราคิดแค่ว่าเราทำงานหาเงินคงไม่มีใครสนใจเรามากมายหรอก"

"ถามว่าผลกระทบที่ตามมาหลังจากโพสต์หนักไหมตัวผมก็เฉยๆ นะ ผมกลัวอย่างเดียวคือคนไม่เข้าใจเขาจะคิดว่าผมเป็นเด็กก้าวร้าวหรือเปล่า แต่อย่างที่บอกแหละใครไม่เจอแบบผมไม่รู้หรอกว่ารู้สึกยังไง แล้วตอนที่โพสต์ก็อยู่คนเดียวด้วยนะ ผมไม่รู้จะระบายที่ไหนผมก็ระบายในนั้นแหละ แต่หลังจากนี้จะคิดก่อนโพสต์ครับ"

พบแล้ว! หลวงปู่สายตาใกล้บอด เดินบิณฑบาตอย่างทุลักทุเลกว่า 10 กม.



พบพระป่วยทางสายตาใกล้บอดใช้ชีวิตอย่างสันโดษสงบเรียบง่ายอาศัยอยู่กระท่อมในป่าบนเขาถ้ำวัวแดงชัยภูมิเพียงลำพังรูปเดียวอย่างอยากลำบาก
วอนช่วยเหลือ "พระป่วยดวงตาใกล้บอด" ชีวิตสุดรันทด อาศัยอยู่ในกระท่อมเพียงลำพัง นานร่วม10ปี ชวนพุทธศาสนิกชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นผู้ให้ ร่วมทำบุญกันบริจาคข้าวสารอาหารแห้งเพื่อประทังชีวิต หลังพบว่าต้องเดินออกบิณฑบาตอย่างทุลักทุเลระยะทางกว่า10กม.ต้องอดมื้อกินมื้อ...
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม2558 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านนาแดด ต.นางแดด และ ต.ถ้ำวัวแดง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ มีพระที่ชราภาพป่วยด้วยโรคตาใกล้บอด อยู่อย่างสันโด ในกระท่อมที่พักสงฆ์ ที่ 'เทือกเขาพังเหย (ภูพังเหย จ.ชัยภูมิ)' เพียงรูปเดียว โดยใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ต้องอดมื้อกินมื้อ อยู่กลางป่าบนเขาถ้ำวัวแดง (อยู่ระหว่าง ท้ายหมู่บ้านนางแดด ต.นางแดด และ ต.ถ้ำวัวแดง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ)
จากการตรวจสอบพบ 'พระเสวียน อุบลล่า' อายุ 70 ปี กำลังเดินบิณฑบาตไป-กลับอย่างทุลักทุเล (ระยะทาง 200-300เมตร พัก 3 นาที) เดินกลับพักสงฆ์ ที่ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านกว่า 5 กม.เพื่อจะกลับไปฉันอาหารและนั่งสมาธิ บำเพ็ญภาวนา สำนักสงฆ์แห่งนี้ชาวบ้านช่วยกันบริจาคไม้เก่ามาสร้างวัดให้ได้หลบแดดหลบฝนตั้งอยู่บนเขาถ้ำวัวแดงมานานแล้ว ปัจจุบัน 'พระเสวียน อุบลล่า' อายุ 70 ปี ชราป่วยเป็นโรคต่อกระจกและขาพิการระหว่างออกบิณฑบาตตามหมู่บ้านกว่า 5 กม.เพื่อหาอาหารมาประทังชีวิตไปวันๆ ขณะนี้ 'พระเสวียน อุบลล่า' กำลังได้รับความลำบากอย่างหนักและต้องการความช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน ชาวบ้านที่พบเห็นจึงขอวอนผ่านสื่อให้ช่วยเป็นสื่อกลางในการประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือด้วย
ผู้สื่อข่าวจึงประสานกับนายกวินกร รัตนประทุม ผอ.รพสต.หัวนาคำ และนายอดุล ผาบเพ็ง นายก อบต.ถ้ำวัวแดง ร่วมเดินทางลงไปตรวจสอบพบว่าที่พักสงฆ์ดังกล่าวเป็นบ้านไม้ยกเสาสูง มีสภาพเก่าชำรุดทรุดโทรมทั้งหลัง ฝาบ้านโดยรอบชำรุด ผุพังและแตกเป็นช่องโหว่รอบด้านไปตามสภาพ ประกอบกับมีมอดไม้รวมทั้งปลวกกัดกินเนื้อไม้จนบ้านเกิดความเสียหายเกือบทั้งหลัง ต้องนำเศษไม้มาปะปิดเพื่อกันแดดกันฝน รวมทั้งป้องกันสัตว์มีพิษต่าง ๆ ที่เข้ามาในกุฏิ หลังคาก็มีรอยรั่วหลายจุด ส่วนภายในตัวกุฏิพื้นไม้ผุพังชำรุดเป็นรูและไม้ปูพื้นฉีกขาด-หลุดหายไปหลายแผ่น ทำให้ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง โดยภายในบริเวณที่พักสงฆ์ยังพบศาลาที่สร้างด้วยไม้เก่าๆ ยังสร้างไม่เสร็จ ไม่มีหลังคา สภาพทรุดโทรมจะล้มไม่ล้ม 1 หลัง
สอบถาม 'นายสมใจ คุ้มหมู่' อาย 58ปี ชาวบ้านหมู่11 ต.นางแดด ทราบว่า พระเสวียน อุบลล่า อายุ 70 ปี ป่วยชราเป็นโรคตาต่อกระจกทั้ง2ข้างและขายังพิการเดินไปไหนมาไหนไม่สะดวก ด้วยชราภาพ เคยหกล้มจนกระดูกหัวเข่าด้านขวาแตกจนเป็นเหตุพิการ ซึ่งหลวงปู่เสวียน จะเดินในลักษณะนี้มาเป็นเวลาร่วมนับ10ปีแล้ว ชาวบ้านหลายรายเห็นใจหลวงปู่ บอกไม่ให้หลวงปู่ออกมาบิณฑบาตก็ไม่ยอม จากการสอบถามหลวงปู่ทราบว่าก่อนหน้านี้หลวงปู่เคยบวชเป็นพระลูกวัดเดียวกันกับหลวงปู่ผาง ร่วมกว่า 7 ปี (หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต ตำบลนางาม อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น) เมื่อโยมพ่อมาเสียชีวิตลง ต้องสึกออกมาทำมาหากิน ทำไร่ทำนาหาเลี้ยงครอบครัว ทำงานอยู่ราว 4ปีได้มีพระที่รู้จักมักคุ้นและรู้ถึงชื่อเสียงเรียงนาม ได้ชักชวนให้มาบวชและได้บวชติดต่อกันมาจนทุกวันนี้ก็ร่วม 15 พรรษา
ทุกวันนี้หลวงปู่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยากลำบากอย่างหนัก วันไหนที่ไม่มีใครมาใส่บาตก็จะต้องทนอด ภาพดังกล่าวเป็นภาพชีวิตที่รันทดและหน้าเวทนาแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง แต่หลวงปู่ก็ไม่เคยย่อท้อ ยังคงดำเนินชีวิตปฏิบัติกิจสงฆ์ไปตามยะถากรรมเหมือนพระทั่วไป ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใครๆ
ทั้งนี้ หากผู้ใจร่วมทำบุญต้องการช่วยเหลือ ข้าวสารอาหารแห้ง สามารถเดินทางมาบริจาคด้วยตนเองได้ที่ สำนักสงฆ์บ้านโนนจำปา หรือสอบถามนายอดุล ผาบเพ็ง นายก อบต.ถ้ำวัวแดง โทร.087-2563592 หรือสำนักงาน อบต.ถ้ำวัวแดง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ โทร.044-823194
ที่มา: http://www.sisaketdaily.com/thread-4823-1-1.html